NETA V 2023 รถยนต์ไฟฟ้าระดับเริ่มต้นรุ่นแรกที่ทาง NETA ประเทศไทย นำเข้ามาวางจำหน่าย โดดเด่นด้วยความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าระดับเริ่มต้นที่มีราคาเข้าถึงได้ง่าย ในราคา 549,000 บาท หลังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
NETA V รถยนต์ไฟฟ้าแบบ Compact Crossover รุ่นเริ่มต้น และเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่เนต้า ประเทศไทย นำออกมาจัดจำหน่ายให้ชาวไทยได้เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเนต้ากันเป็นรุ่นแรก โดยเจ้า NETA V คันนี้ มีขนาดตัวรถ อยู่ในพิกัดเดียวกับ Honda Jazz, Honda City Hatchback, Toyota Yaris และ Mazda 2 Hatchback เป็นต้น
โดยรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้จะดำเนินการโดยบริษัท Hozon ในชื่อ Neta Auto (Thailand)
NETA V รุ่นปี 2023 มีการปรับสเปคแบตเตอรี่ใหม่ จากเดิมใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนชนิด NMC ขนาดความจุ 38.5 kWh เปลี่ยนมาเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนชนิด LFP และเพิ่มขนาดความจุใหม่เป็น 40.7 kWh มาพร้อมสีใหม่ Moonlight green
NETA V ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกของ NETA V มาในรูปแบบ Compact Crossover ยกสูง แบบ 5 ประตู 5 ที่นั่ง โดยขนาดของตัวรถอยู่ในพิกัดเดียวกับรถยนต์ B-Segment
ด้านหน้าของตัวรถ กระจังหน้าแบบปิดทึบ ตามพิมพ์นิยมของรถยนต์ไฟฟ้ายุคปัจจุบัน โดยมีช่องดักลมด้านล่าง เพื่อใช้งานกับระบบระบายความร้อนต่างๆ ของตัวรถ ส่วนไฟหน้า ใช้ไฟหน้าโปรเจกเตอร์ฮาโลเจน พร้อมไฟ DRL แบบ LED เสริมความโดดเด่นในการขับขี่ช่วงกลางวัน ส่วนไฟเลี้ยวหน้าก็เป็นไฟ LED ด้วย
ใต้ป้ายทะเบียนรถ จะเป็นช่องดักลมเข้าสู่ระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่ โดย NETA V ใช้ระบบระบายความร้อนมอเตอร์และแบตเตอรี่ด้วยน้ำ ซึ่งมีการแยกส่วนการระบายความร้อนออกจากกันอย่างอิสระ หมดกังวลเรื่อง Overheat
มาดูที่ด้านข้างของตัวรถ จะเห็นได้ว่าตัวรถมีความยกสูงขึ้นมาเล็กน้อยตามสไตล์ Crossover หลังคาของตัวรถ ถูกออกแบบมาให้เน้นเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารด้วยการดึงแนวหลังคาสูงขึ้นไป ส่วนทางด้านท้ายรถมีการปรับให้ลาดลงมา ทำให้รถดูกระฉับกระเฉงขึ้น
ไฟเลี้ยว ติดตั้งที่บริเวณเหนือซุ้มล้อ
NETA V แบตเตอรี่สูงจากพื้นเท่าไหร่
แบตเตอรี่ของ NETA V มีความสูงจากพื้น 165 มม. เทียบเท่าความสูงของรถยนต์แบบ B-SUV หรือ C-SUV บางรุ่น เหมาะกับการขับขี่ไปบนถนนบ้านเราแบบไร้กังวล
ช่องชาร์จแบตเตอรี่ ติดตั้งอยู่บริเวณเหนือซุ้มล้อหน้าซ้าย รองรับการชาร์จแบบ AC type 2 ที่ 6.6 kW และ DC CCS2 สูงสุด 50 kW
ส่วนฝาปิดทางด้านขวา ไม่สามารถเปิดได้ (ในประเทศจีน ฝาปิดด้านนี้เป็นช่องชาร์จแบตเตอร์รี่อีกฝั่งหนึ่ง เนื่องจากในประเทศจีนใช้หัวชาร์จ AC กับ DC คนละหัวกัน ส่วนประเทศไทย ช่องชาร์จ AC กับ DC สามารถใช้ช่องร่วมกันได้)
ด้านท้ายของตัวรถ ใช้ไฟท้ายและไฟเลี้ยวแบบ LED เต็มระบบ มาพร้อมกับเซ็นเซอร์เตือนการชนด้านหลัง และกล้องมองหลังความคมชัดสูง
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง มีความจุทั้งหมด 500 ลิตร ความลึกของพื้นที่อยู่ที่ 715 มม. สูง 710 มม. และกว้างสูงสุดที่ 1,130 มม.
สามารถเพิ่มพื้นที่สัมภาระได้ด้วยการพับเบาะนั่งแถวหลังลง จะสามารถเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้เป็น 1,150 ลิตร ความลึกสูงสุดอยู่ที่ 1700 มม. โดยเบาะนั่งแถว 2 ไม่สามารถแยกพับได้
NETA V ภายใน
เข้ามาที่ภายในตัวรถ พื้นที่โดยสารโดยรวมถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับ Toyota Yaris แต่ข้อสังเกตคือตำแหน่งของเบาะนั่งจะอยู่ใกล้กับพื้นรถมากสักหน่อย ทำให้เวลาวางเท้าต้องเหยียดไปด้านหน้าเพื่อความสบาย
ตัวเบาะนั่ง หุ้มหนังสังเคราะห์ ให้ผิวสัมผัสที่นุ่มสบาย นั่งสบาย ไม่พบอาการปวดหลังแม้ขับเป็นเวลานาน
หน้าจอมัลติมีเดียขนาด 14.6 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่นภาษาไทย ควบคุมง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสประดุจ Tablet ขนาดใหญ่ประจำตัวรถ โดยหน้าจอตัวนี้มีความลื่นไหลดีมาก รองรับการเชื่อมต่อมือถือผ่านระบบ Bluetooth และ Wifi
นอกจากนี้ยังสามารถแชร์หน้าจอของมือถือขึ้นไปที่หน้าจอของตัวรถได้ด้วย โดยสามารถแสดงผลได้ทุกแอปฯ ยกเว้นแอปฯ ที่มีลิขสิทธิ์ อาทิเช่น Netflix, Disney Plus ส่วนการทำงานจะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่
ส่วนบน เป็นเมนูควบคุมระบบมัลติมีเดีย และการทำงานของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นระบบความปลอดภัย, โหมดการขับขี่ นอกจากนี้สามารถปัดหน้าจอลงมาเพื่อเข้าถึงการตั้งค่าแบบด่วนได้
ส่วนตรงกลาง เป็นพื้นที่กว้างที่สุด ใช้เป็นพื้นที่แสดงผลข้อมูลต่างๆ จากเมนูที่เลือกไว้
ส่วนล่าง เป็นพื้นที่ควบคุมระบบปรับอากาศของตัวรถ และการตั้งค่าระบบไฟ
หน้าจอเรือนไมล์ของตัวรถเป็นแบบดิจิตอล วางเป็นแนวยาวอยู่ด้านบนของคอนโซล บอกข้อมูลการขับขี่ครบครัน โดยวางตำแหน่งเหมือนกับ Head Up Display ทำให้เราไม่ต้องละสายตาจากถนนมาที่เรือนไมล์เลย
ไฟอ่านแผนที่ เป็น LED ทรงกลม เปิด/ปิด ด้วยระบบสัมผัส ใช้งานง่ายมากๆ โดยมีเฉพาะที่นั่งด้านหน้าเท่านั้น ส่วนด้านหลังเป็นที่น่าเสียดายเพราะไม่มีไฟส่องสว่างมาให้ เวลาหาของตอนกลางคืนจำเป็นต้องใช้ไฟฉาย
พวงมาลัยไฟฟ้ามัลติฟังก์ชั่น ปรับระดับไม่ได้ ส่วนระบบเกียร์อยู่ที่ก้านพวงมาลัยด้านขวา ใช้งานรูปแบบเดียวกับรถยนต์ Tesla, Mercedes-Benz
เบาะนั่งคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า ปรับแมนนวลทั้งหมด สามารถปรับได้เฉพาะการเลื่อนขึ้นหน้า-ถอยหลัง และเอนเบาะ ไม่สามารถปรับระดับสูง-ต่ำ ได้
ที่วางแก้วน้ำ/ขวดน้ำด้านหน้า มีทั้งหมด 5 ตำแหน่ง ได้แก่แผงประตูข้างละ 1 , บริเวณคอนโซลกลางชั้นบน 2 และใต้คอนโซลกลางอีก 1
ส่วนที่วางโทรศัพท์มือถือนั้น มีอยู่ 2 ตำแหน่งหลัก ได้แก่ใต้จอภาพตรงกลาง และบริเวณที่วางแก้วน้ำของคอนโซลกลาง
เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหลัง มีความนุ่มนวลสูง แต่ตัวเบาะติดตั้งห่างจากพื้นค่อนข้างน้อย ทำให้ต้องนั่งแบบงอขา ส่วนระยะห่างระหว่างเบาะหน้า - เบาะหลัง ถ้านั่งหลังคนขับจะมีพื้นที่วางขาเยอะสักหน่อย ส่วนฝั่งผู้โดยสารตอนหน้า จำเป็นต้องเลื่อนเบาะขึ้นไปด้านหน้าสักหน่อย เพราะว่าไม่มีพื้นที่สอดเท้าไปด้านใต้เบาะนั่งคู่หน้าเลย
การนั่งโดยสาร แนะนำให้นั่งโดยสารในระยะทางไม่เกิน 200-300 กิโลเมตร ควรพักสักหน่อย ซึ่งก็พอดีกับระยะทางการขับขี่ต่อ 1 การชาร์จพอดี ถือว่ายังพอเดินทางไกลได้ระดับหนึ่ง
ส่วนระบบอำนวยความสะดวก มีช่องชาร์จ USB-A มาให้ 1 ช่อง และที่น่าเสียดายคือไม่มีที่วางแก้วน้ำหรือขวดน้ำเลยแม้แต่จุดเดียว จำเป็นต้องอาศัยวางที่โซนหน้า
NETA V ระบบความปลอดภัย
โครงสร้างตัวถังนิรภัย HSS Body
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
กล้องมองหลัง
สัญญาณกะระยะถอยหลัง
ระบบเบรกมือไฟฟ้า
Auto Vehicle Hold
ABS
ระบบกระจายแรงเบรก
ระบบควบคุมการทรงตัว
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง
ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อรถออกตัว
ไฟ Follow Me Home
จุดยึด ISOFIX
NETA V ระบบอำนวยความสะดวก
ระบบ V2L จ่ายไฟฟ้าออกสู่ภายนอก กำลังสูงสุด 3.3 kW
Cruise Control ระบบล็อกความเร็ว
ช่องชาร์จ USB-A 3 จุด รองรับการเชื่อมต่อกล้องหน้ารถ
ไฟหน้าเปิด/ปิด อัตโนมัติ
ระบบคันเร่งเดียว One-Pedal ปรับระดับได้
เบาะนั่งแถวที่ 2 พับได้
โหมดการขับขี่ Standard / Sport
รถยนต์ไฟฟ้า NETA V 2023 แบตเตอรี่ LFP อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/?fuel_type=4078&quicksearch_order=306,DESC-326,ASC